Nov 1, 2023
4 ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับสีตาแมว
สีตาแมว

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นดวงตาของมนุษย์หรือไม่ว่าจะเป็นดวงตาของสัตว์ก็ตาม ดังนั้นในบทความนี้เราจะนำคุณมาเจาะลึกเกี่ยวกับเรื่องดวงตาของแมว ซึ่งสีตาหรือขนาดดวงตาของแมวแต่ละสายพันธุ์นั้นก็จะแตกต่างกันไป และที่สำคัญคือยังมีรูปทรงรูปร่างที่แตกต่างกันไปอีกด้วย แมวบางตัวอาจมีตาที่กลมโตดำคล้ายกับเม็ดลำไย แต่แมวบางตัวก็จะมีสายตาที่คุมเข้มดุดันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า 4 ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับสีตาแมวจะมีอะไรบ้าง 

1. ม่านตาของตาแมว 

เมื่อเราพูดถึงสีตาแมวก็จะต้องพูดถึงม่านตาก่อน ม่านตาของแมวมี 2 ชั้น คือ ชั้นสโตรมาและเยื่อบุผิว ชั้นทั้ง 2 นี้มีเซลล์ที่สร้างเม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนไซต์  

2. ทำความรู้จักกับเมลานิน 

เม็ดสีที่ผลิตโดยเมลาโนไซต์เรียกว่าเมลานิน ซึ่งเมลานินมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าขนของแมวจะมีสีเข้มแค่ไหน เช่นเดียวกับสีตาของแมว ดังนั้นยิ่งมีเมลาโนไซต์ในม่านตาของแมวมากเท่าใด สีก็จะยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น แต่แมวไม่ได้มีตาสีน้ำตาลหรือดำเหมือนมนุษย์ สีที่มืดที่สุดที่คุณเห็นในดวงตาของแมวคือทองแดงเข้มหรือสีเข้มแต่ไม่ดำเท่าของมนุษย์ 

3. ความเข้มของสีตาของแมว เชื่อมโยงกับการทำงานของเมลาโนไซต์

แมวที่มีเมลาโนไซต์สูงจะมีดวงตาสีเหลืองทองสดใส เมื่อเซลล์ที่ผลิตเมลานินทำงานมาก สีตาของแมวก็จะเข้มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น…แมวที่มีเมลาโนไซต์ในปริมาณปานกลางจะมีดวงตาสีเหลืองทองสดใส แต่แมวที่มีเมลาโนไซต์ที่ใช้งานน้อยในปริมาณปานกลางอาจมีดวงตาสีเหลืองมะนาวซีด

4. แมวพันธุ์แท้มักจะมีสีตาที่เข้มกว่า

เนื่องจากแมวพันธุ์แท้ได้รับการผสมพันธุ์ให้ตรงตามมาตรฐานพันธุ์เฉพาะ ซึ่งมักจะรวมถึงสีตาด้วย ดังนั้นผู้ผสมพันธุ์แมวจึงเลือกแมวที่มีสีตาที่เข้มเอาไว้ก่อน หรือเลือกสีเฉพาะมาผสมพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น…มาตรฐานพันธุ์แมวบอมเบย์ต้องมีตาสีทองแดง เป็นต้น  

ข้อมูลที่เรานำมาเสนอกันนี่อาจจะเป็นไปในเชิงวิทยาศาสตร์ไปสักหน่อย แต่ก็จะทำให้คุณได้ทราบถึงที่มาของสีตาของแมวชนิดต่าง ๆ และสีตาของแมวของสายพันธุ์แท้ กับสายพันธุ์ผสมก็จะแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนของสิ่งที่เรียกว่า DNA แต่ไม่ว่าสีตาของแมวจะเป็นสีอะไร ก็ขอให้น้อง ๆ มีดวงตาที่สดใสและสามารถมองเห็นหน้ามนุษย์ได้อย่างชัด ๆ ก็พอแล้ว 

More Details
Oct 12, 2023
4 เหตุผลที่สีขนของแมวเปลี่ยนไป
สีขนของแมว

แมวหลายสายพันธุ์หรือหลายตัวบนโลกนี้ มักจะมีสีที่เด่นชัดเป็นของตนเองเช่น…แมวสีดำ, แมวสีส้ม, แมวลายสลิดสีเทา และอื่น ๆ ซึ่งบางครั้งผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนก็สังเกตว่าสีขนขนแมวนั้นเปลี่ยนไป อาจจะมีสีที่อ่อนขึ้นเข้มขึ้น หรือสีขนบางจุดของร่างกายไม่เหมือนเดิมทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมา ดังนั้นในบทความนี้เราได้นำปัจจัยบางประการที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนสีขนของแมว และสาเหตุที่ขนของแมวอาจเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไปมาแนะนำกัน

1. อุณหภูมิมีผลต่อสีของแมว

แมวสยาม, แมวหิมาลายัน และแมวตะวันออก สีของขนแมวสามารถเปลี่ยนได้จากอุณหภูมิที่ผิว เพราะผิวของแมวจะเย็นกว่าที่ส่วนปลายของร่างกาย เช่น…เท้า, หาง, หู และ หน้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลำตัวเป็นสีขาวหรือสีครีมและมีจุดที่เข้มกว่านั่นเอง 

2. ดวงอาทิตย์สามารถเปลี่ยนสีขนของแมวได้

เชื่อหรือไม่ว่าขนของแมวสีเข้มถ้าโดนแดด หากแมวของคุณอยู่กลางแจ้งบ่อย ๆ หรือใช้เวลานอนในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงในบ้านเป็นประจำ ขนของแมวก็อาจจืดจางลงได้

3. โภชนาการ 

การขาดอาหารในกรดอะมิโนไทโรซีนอาจทำให้สีขนของแมวดำเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง เพราะแมวจำเป็นต้องใช้ไทโรซีนในการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีสีเข้มในขนแมว และหากแมวได้รับไทโรซีนไม่เพียงพอในอาหาร สีขนอาจจางลง และปัญหาทางโภชนาการอื่น ๆ เช่น…การขาดทองแดงและสังกะสีมากเกินไป อาจทำให้ขนสีดำจางลงได้เช่นกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนสีของขนที่มาจากโภชนาการ อาจบ่งบอกถึงโรคไต ตับ หรือไทรอยด์ ได้ 

4. สีขนเปลี่ยนตามอายุ

เมื่อแมวเริ่มมีอายุมากขึ้น ก็จะมีผมหงอกเหมือนที่มนุษย์มี ขนของแมวที่มีจุดสีดำจะเข้มขึ้นตามอายุ  

และนี่ก็คือการตอบข้อสงสัยของคนเลี้ยงแมวที่อาจจะสงสัยว่า ทำไมสีขนของแมวบางจุดถึงเปลี่ยนไป หรือบ้างครั้งสีขนก็เปลี่ยนทั้งตัว โดยสังเกตได้จากการนำรูปเก่ากับรูปในปัจจุบันมาเปรียบเทียบกัน ดังนั้นก็เกิดจากหลายสาเหตุ บางสาเหตุเกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่บางสาเหตุก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่าแมวของคุณกำลังป่วย ดังนั้นการพาแมวไปหาหมออย่างรวดเร็วที่สุดจะดีที่สุด ยิ่งหาอาการเร็วเท่าไหร่ แมวคุณก็จะยิ่งได้รับการรักษาเร็วขึ้นเท่านั้น คนรักแมวนอกจากจะให้ความรักความทะนุถนอมแมวแล้วก็อย่าลืมใส่ใจในเรื่องสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในด้านต่าง ๆ ของแมวด้วย 

More Details
Sep 17, 2023
Exotic Pet คืออะไร? ทางเลือกของคนรักสัตว์
Exotic Pet

ถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยงหลาย ๆ คนก็อาจจะนึกถึงสัตว์ที่ใกล้ตัวมนุษย์อย่างหมาแมว เป็นต้น แต่ในปัจจุบันนี้ด้วยความที่โลกของเรามีความชอบที่เปิดกว้างหลากหลายมาก ๆ จึงเกิดกลุ่มคนที่รักสัตว์เลี้ยงอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีชื่อเรียกว่าเอ็กโซติกเพ็ท (Exotic Pet) หรือการเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ ที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมในวงกว้าง หาซื้อยาก มีราคาสูง มีวิธีการเลี้ยงที่เฉพาะเจาะจงแตกต่างจากการเลี้ยงสัตว์อย่างหมาแมวทั่วไป ซึ่งจะมีสัตว์ชนิดไหนบ้างมาดูกัน 

Exotic Pet ประกอบด้วยสัตว์หลากหลายชนิด  

นิยามของสัตว์ในหมวดหมู่ของ Exotic Pet นั้นกว้างมาก ๆ เช่น…หนูเจอร์บิล ชินชิลล่า พังพอน งู กิ้งก่า กบ คางคก ชูการ์ไกลเดอร์ เม่น หมูพ็อตเบลลี และแม้แต่แมงมุม หนึ่งในความนิยมที่ทำให้เกิดการเลี้ยงสัตว์ Exotic Pet เนื่องจากจำนวนประชากรของสัตว์เหล่านี้เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมในเมือง จึงต้องการสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดเล็ก หรือการที่หลาย ๆ คนตัดสินใจเลือกเลี้ยงสัตว์จำพวก Exotic Pet เพราะต้องการความแปลกใหม่ให้กับชีวิต หรือต้องการความแตกต่าง แต่ถึงกระนั้นการเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าบางสายพันธุ์มีวิธีการเลี้ยงที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมาก ๆ มิฉะนั้นสัตว์ก็อาจจะป่วยหรือตายได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นผู้เลี้ยงที่อยากจะเลี้ยงสัตว์ประเภท Exotic Pet ก็ควรที่จะ ทำการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์นั้น ๆ ก่อนที่จะไปซื้อหามาเลี้ยง เพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมความพร้อมและเป็นการทำความรู้จักกับสัตว์เหล่านั้นก่อนว่ามีลักษณะนิสัยเหมาะกับคุณหรือไม่ 

Exotic Pet บางชนิดอยู่ได้นานกว่าสุนัขและแมว

สัตว์เลี้ยงบางชนิด เช่น…นกและสัตว์เลื้อยคลาน สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าสุนัขและแมว ดังนั้นการได้เป็นเจ้าของสัตว์แปลก ๆ เหล่านี้จึงเป็นความมุ่งมั่นในการเลี้ยงระยะยาวอย่างแท้จริง คุณจะมีสัตว์เลี้ยงที่คุณต้องดูแลเป็นเวลานานหลายปี และสัตว์สปีชีส์ต่างถิ่นจำนวนมากต้องอยู่ภายใต้สภาวะพิเศษ และต้องการสภาพแวดล้อมที่ต้องได้รับการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ฯลฯ อย่างระมัดระวัง ทำให้การเลี้ยง Exotic Pet บางชนิด ที่คุณอาจจะมองว่ามีขนาดตัวขนาดเล็ก ใช้เงินเลี้ยงไม่มาก แต่จริง ๆแล้วเมื่อรวมรายละเอียดเหล่านี้เข้าไป อาจจะใช้เงินในการดูแลมากกว่าสุนัขและแมวหลายเท่าก็เป็นได้ 

ดังนั้นหัวใจสำคัญในการเป็นเจ้าของ Exotic Pet คือการความรู้จักกับสายพันธุ์ที่คุณต้องการเลี้ยงอย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม และคุณจะเลือกสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับคุณได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญคือเลี้ยงสัตว์ทั้งทีควรเลี้ยงสัตว์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนตามมาในภายหลัง 

More Details